พัฒนาการเด็กควรส่งเสริมตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะเป็นวัยทีสามารถพัฒนาได้ง่ายที่สุด
Last updated: 5 Sept 2025
43 Views
พัฒนาการเด็ก ควรส่งเสริมตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะเป็นช่วงที่พัฒนาได้ง่ายที่สุด
พัฒนาการเด็กเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตในอนาคต ช่วงวัยเยาว์ถือเป็นช่วงเวลาทองที่สมองและร่างกายของเด็กพร้อมต่อการเรียนรู้และพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ การส่งเสริมพัฒนาการตั้งแต่วันนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญ ที่ช่วยให้เด็กเติบโตอย่างแข็งแรงทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เพื่อก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
พัฒนาการเด็กสำคัญอย่างไร?
พัฒนาการเด็ก คือกุญแจสู่การสร้างอนาคตที่มั่นคงและมีคุณภาพ หากเริ่มต้นตั้งแต่วัยเยาว์ จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด ทั้งต่อเด็ก ครอบครัว และสังคม เด็กที่ได้รับการส่งเสริมพัฒนาการตั้งแต่เล็ก จะมีทักษะการคิด การแก้ปัญหา และการเรียนรู้ที่ดีกว่า สมองเด็กในช่วงปฐมวัย (0-6 ปี) มีการพัฒนาเร็วที่สุด และเป็นช่วงที่สร้างเสริมการเชื่อมโยงของเซลล์ประสาทได้มากที่สุด การพัฒนาการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก ช่วยให้เด็กแข็งแรงและคล่องแคล่ว ส่งผลต่อความมั่นใจและความเป็นอิสระของเด็ก การเล่น การสื่อสาร และการได้รับการดูแลเอาใจใส่ ช่วยให้เด็กรู้จักควบคุมอารมณ์ เข้าใจตนเอง และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ซึ่งเป็นพื้นฐานนี้ช่วยป้องกันปัญหาด้านพฤติกรรมและสุขภาพจิตในอนาคต พัฒนาการที่ดีจะช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตนเอง กล้าแสดงออก และปรับตัวได้ดี เด็กที่ได้รับการส่งเสริมอย่างเหมาะสม มีโอกาสเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ มีศักยภาพ และมีความสุข
ทำไมวัยเด็กจึงเป็นช่วงเวลาสำคัญของพัฒนาการเด็ก
วัยเด็กถือเป็นรากฐานของชีวิต เพราะในช่วงวัยนี้สมอง ร่างกาย และจิตใจของเด็กเจริญเติบโตเร็วที่สุด และตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ดีที่สุด การกระตุ้นหรือการส่งเสริมที่เหมาะสมในวัยนี้จะช่วยสร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้กับการเรียนรู้และการใช้ชีวิตในอนาคต ในช่วงปฐมวัยเซลล์สมองสร้างการเชื่อมต่ออย่างมหาศาล เด็กสามารถเรียนรู้ภาษา การคิด การแก้ปัญหา และทักษะใหม่ ๆ ได้ง่ายที่สุด วัยเด็กเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อ กระดูก และการประสานงานของร่างกายพัฒนาเต็มที่ เด็กเรียนรู้ผ่านการเคลื่อนไหว การเล่น และการลองผิดลองถูก เด็กเรียนรู้การแสดงออกทางอารมณ์ การควบคุมตนเอง และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น หากได้รับการเลี้ยงดูอย่างอบอุ่นและมั่นคง จะช่วยสร้างความมั่นใจและทักษะทางสังคมที่ดี ประสบการณ์ในวัยเด็ก เช่น การเลี้ยงดู การเล่น การเรียนรู้ จะกำหนดทัศนคติ ความมั่นใจ และทักษะชีวิตที่ติดตัวไปจนโต
ดังนั้น วัยเด็กคือช่วงเวลาทองของการพัฒนาที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ หากได้รับการส่งเสริมอย่างถูกต้อง เด็กจะเติบโตอย่างเต็มศักยภาพทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และสังคม
ปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้เติบโตสมวัย
ปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้เติบโตสมวัย มีดังนี้
1. ด้านร่างกายและสุขภาพโภชนาการที่เหมาะสม : ได้รับอาหารครบ 5 หมู่ ปริมาณเพียงพอ เหมาะกับวัย
การดูแลสุขภาพ : การตรวจสุขภาพตามวัย การฉีดวัคซีน และการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
การเล่นและการเคลื่อนไหว : ส่งเสริมการใช้กล้ามเนื้อใหญ่และเล็ก การเคลื่อนไหวร่างกาย
2. ด้านอารมณ์และจิตใจความรักและความอบอุ่น : การกอด การพูดคุย
และการดูแลเอาใจใส่ช่วยสร้างความมั่นคงทางอารมณ์การตอบสนองที่เหมาะสม ผู้ใหญ่ควรฟังและเข้าใจความรู้สึกของเด็กการสร้างความมั่นใจ
ให้เด็กลองทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเองและชื่นชมความพยายาม
3. ด้านสังคม การเล่นกับเพื่อนและผู้อื่น : ฝึกการแบ่งปัน การรอคอย และการแก้ปัญหาร่วมกัน
สิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการเรียนรู้ : ครอบครัว โรงเรียน ควรมีบรรยากาศที่ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์
การเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ใหญ่ : เด็กเรียนรู้ผ่านการเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ปกครองและครู
4. ด้านสติปัญญาและการเรียนรู้ การกระตุ้นพัฒนาการสมอง : พูดคุย อ่านหนังสือ เล่านิทาน ร้องเพลง เล่นเกมการศึกษา
โอกาสในการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง : ให้เด็กได้ลงมือทำ ทดลอง และสังเกตสิ่งรอบตัว
การสนับสนุนทักษะEF (Executive Functions) : ฝึกทักษะการคิดวางแผน การจดจ่อ การแก้ปัญหา
บทบาทของคุณพ่อคุณแม่ในการสร้างพื้นฐานพัฒนาการเด็ก
พ่อแม่คือ ครูคนแรกและคนสำคัญที่สุดในชีวิตลูก บทบาทไม่ได้จำกัดแค่การดูแล แต่ยังรวมถึงการกระตุ้น การชี้แนะ และการเป็นแบบอย่างที่ดี เพื่อวางรากฐานให้ลูกเติบโตสมวัยทั้งกาย ใจ สติปัญญา
และสังคม บทบาทของคุณพ่อคุณแม่ในการสร้างพื้นฐานพัฒนาการเด็ก
1. ผู้เลี้ยงดู (Caregiver) มอบความรัก ความอบอุ่น กอด พูดคุย เล่นด้วย จัดหาอาหารที่เหมาะสมครบถ้วน และดูแลสุขภาพ เช่น วัคซีน การนอนหลับ สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้ลูกได้เรียนรู้และสำรวจ
2. ผู้กระตุ้นการเรียนรู้ (Stimulator) พูดคุยกับลูกตั้งแต่เล็ก อ่านนิทาน ร้องเพลง ให้เด็กได้ฟังเสียงและภาษา
ส่งเสริมการเล่นอย่างสร้างสรรค์ ทั้งการเล่นอิสระและการเล่นที่มีโครงสร้าง เปิดโอกาสให้เด็กได้ทดลอง คิด และแก้ปัญหาด้วยตนเอง
3. ผู้กำกับดูแล (Guide) วางกติกาที่เหมาะสมกับวัย ฝึกวินัยเชิงบวก สอนการจัดการอารมณ์และพฤติกรรมด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดี สร้างโอกาสให้เด็กเรียนรู้การเข้าสังคม เช่น เล่นกับเพื่อน หรือทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว
4. ผู้สนับสนุน (Supporter) ชื่นชมความพยายามมากกว่าผลลัพธ์ เพื่อสร้างความมั่นใจ สนับสนุนให้ลูกค้นหาความสนใจ ความถนัดของตนเอง ประสานงานกับครูหรือผู้เชี่ยวชาญ หากพบสัญญาณพัฒนาการล่าช้า
5. แบบอย่างชีวิต (Role Model) เด็กเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อแม่ เช่น การพูด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี การเป็นแบบอย่างที่ดีคือ การสอนโดยไม่ต้องพูดที่ทรงพลังที่สุด
วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยเสริมพัฒนาการเด็กในชีวิตประจำวัน
วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยเสริมพัฒนาการเด็กในชีวิตประจำวัน เช่น พูดคุยกับลูกบ่อย ๆ ตั้งแต่เล็ก ใช้ประโยคง่าย ๆ ฟังลูกตอบโต้ อ่านนิทานก่อนนอนทุกวัน กระตุ้นภาษา จินตนาการ และ ทักษะEF ชวนลูกตั้งคำถาม เช่น ถ้าจะเกิดอะไรขึ้น? เพื่อฝึกการคิดวิเคราะห์ เล่นเกมง่าย ๆ เช่น ต่อบล็อก ต่อจิ๊กซอว์ หรือหาของรอบบ้าน ให้โอกาสลูกได้วิ่ง เล่นกลางแจ้ง กระโดด ปีนป่าย เสริมกล้ามเนื้อใหญ่ เล่นกิจกรรมใช้มือ เช่น ปั้นดินน้ำมัน ระบายสี ตัดกระดาษ ช่วยกล้ามเนื้อเล็ก จัดตารางการนอนให้เพียงพอ และมื้ออาหารครบถ้วน
กอด พูดคำให้กำลังใจ หรือชื่นชมความพยายามของลูก ฟังลูกเล่าเรื่อง ไม่ตัดสินเร็วเกินไป ให้เด็กได้ระบายความรู้สึก ฝึกการรอคอย เช่น เล่นเกมผลัดกัน หรือรออาหารจานโปรด ให้ลูกช่วยงานบ้านเล็ก ๆ เช่น เก็บของ จัดโต๊ะอาหาร ชวนเล่นกับเพื่อนหรือญาติ ฝึกการแบ่งปันและการแก้ปัญหาร่วมกัน พ่อแม่เป็นแบบอย่าง เช่น พูดคำขอบคุณ ขอโทษ แสดงน้ำใจ
เมื่อสงสัยว่าพัฒนาการเด็กช้ากว่าปกติ ควรทำอย่างไร
เมื่อสงสัยว่าลูกพัฒนาการช้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อย่ามองข้าม และ อย่ารอให้หายเอง แต่ควรเริ่มใส่ใจตั้งแต่วันนี้ และดีที่สุดคือการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เด็กได้รับการช่วยเหลืออย่างเหมาะสมและทันเวลา แนะนำว่าเมื่อสงสัยว่าพัฒนาการเด็กช้ากว่าปกติ ควรทำตามลำดับดังนี้
1. สังเกตอย่างใส่ใจ พ่อแม่ควรติดตามพัฒนาการของลูกในแต่ละด้าน เช่น พูด เดิน เล่นโต้ตอบ
หากพบว่าลูกช้ากว่าเพื่อนวัยเดียวกัน ควรจดบันทึกหรือเก็บตัวอย่างพฤติกรรมไว้
2. เริ่มต้นลงมือวันนี้ จัดกิจกรรมเล็ก ๆ ที่ช่วยเสริม เช่น อ่านนิทาน เล่นต่อบล็อก พูดคุยกับลูกมากขึ้น
ลดสิ่งที่อาจขัดขวางพัฒนาการ เช่น การใช้หน้าจอนานเกินไป หรือการขาดกิจกรรมเคลื่อนไหว
3. อย่ารอจนสาย พัฒนาการเด็กมีช่วงเวลาทอง หากปล่อยทิ้งไว้นาน การแก้ไขอาจทำได้ยากขึ้น
ยิ่งเริ่มต้นเร็ว โอกาสที่เด็กจะพัฒนาได้สมวัยยิ่งสูง
4. ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ หากยังไม่แน่ใจ ควรพาลูกไปพบกุมารแพทย์ นักกิจกรรมบำบัด
ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยประเมินอย่างเป็นระบบ และแนะนำวิธีการกระตุ้นที่เหมาะกับเด็กแต่ละคน
การส่งเสริมพัฒนาการเด็กคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับลูกน้อย
การส่งเสริมพัฒนาการเด็ก คือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับลูกน้อย เพราะวัยเด็ก คือช่วงเวลาทองที่ไม่อาจย้อนกลับ การใส่ใจและส่งเสริมพัฒนาการตั้งแต่วันนี้ เปรียบเสมือนการมอบของขวัญล้ำค่าให้กับลูกน้อย ของขวัญที่ไม่มีมูลค่าใด ๆ มาเทียบได้ การอ่านนิทานให้ฟังทุกคืน การกอดและพูดคุยอย่างอ่อนโยน การปล่อยให้ลูกได้ลองเล่น ลองคิด และเรียนรู้ด้วยตนเอง สิ่งเล็ก ๆ ที่ทำในแต่ละวัน คือการวางรากฐานสู่ อนาคตที่มั่นคง แข็งแรง และเต็มไปด้วยศักยภาพ เพราะทุกก้าวเล็ก ๆ ของวันนี้ จะต่อยอดเป็น ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของลูกน้อยในวันหน้า
Kids Plus เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก และมีคอร์สกระตุ้นพัฒนาการที่สามารถดูแลได้อย่างตรงจุด
Kids Plus ดูแลพัฒนาการลูกน้อยอย่างตรงจุด ที่ Kids Plus เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก ที่พร้อมดูแลและเข้าใจในทุกความกังวลของคุณพ่อคุณแม่ ด้วยคอร์สกระตุ้นพัฒนาการที่ออกแบบอย่างเหมาะสมตามวัยและความต้องการเฉพาะของแต่ละคน ดูแลครบทุกด้านทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา มุ่งเน้นทักษะEF (Executive Function) และทักษะการเรียนรู้ที่จำเป็นในอนาคต สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุก อบอุ่น และปลอดภัย เพราะเราเชื่อว่าการส่งเสริมพัฒนาการตั้งแต่วันนี้ คือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับอนาคตของลูกน้อย
พัฒนาการเด็กเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตในอนาคต ช่วงวัยเยาว์ถือเป็นช่วงเวลาทองที่สมองและร่างกายของเด็กพร้อมต่อการเรียนรู้และพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ การส่งเสริมพัฒนาการตั้งแต่วันนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญ ที่ช่วยให้เด็กเติบโตอย่างแข็งแรงทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เพื่อก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
พัฒนาการเด็กสำคัญอย่างไร?
พัฒนาการเด็ก คือกุญแจสู่การสร้างอนาคตที่มั่นคงและมีคุณภาพ หากเริ่มต้นตั้งแต่วัยเยาว์ จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด ทั้งต่อเด็ก ครอบครัว และสังคม เด็กที่ได้รับการส่งเสริมพัฒนาการตั้งแต่เล็ก จะมีทักษะการคิด การแก้ปัญหา และการเรียนรู้ที่ดีกว่า สมองเด็กในช่วงปฐมวัย (0-6 ปี) มีการพัฒนาเร็วที่สุด และเป็นช่วงที่สร้างเสริมการเชื่อมโยงของเซลล์ประสาทได้มากที่สุด การพัฒนาการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก ช่วยให้เด็กแข็งแรงและคล่องแคล่ว ส่งผลต่อความมั่นใจและความเป็นอิสระของเด็ก การเล่น การสื่อสาร และการได้รับการดูแลเอาใจใส่ ช่วยให้เด็กรู้จักควบคุมอารมณ์ เข้าใจตนเอง และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ซึ่งเป็นพื้นฐานนี้ช่วยป้องกันปัญหาด้านพฤติกรรมและสุขภาพจิตในอนาคต พัฒนาการที่ดีจะช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตนเอง กล้าแสดงออก และปรับตัวได้ดี เด็กที่ได้รับการส่งเสริมอย่างเหมาะสม มีโอกาสเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ มีศักยภาพ และมีความสุข
ทำไมวัยเด็กจึงเป็นช่วงเวลาสำคัญของพัฒนาการเด็ก
วัยเด็กถือเป็นรากฐานของชีวิต เพราะในช่วงวัยนี้สมอง ร่างกาย และจิตใจของเด็กเจริญเติบโตเร็วที่สุด และตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ดีที่สุด การกระตุ้นหรือการส่งเสริมที่เหมาะสมในวัยนี้จะช่วยสร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้กับการเรียนรู้และการใช้ชีวิตในอนาคต ในช่วงปฐมวัยเซลล์สมองสร้างการเชื่อมต่ออย่างมหาศาล เด็กสามารถเรียนรู้ภาษา การคิด การแก้ปัญหา และทักษะใหม่ ๆ ได้ง่ายที่สุด วัยเด็กเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อ กระดูก และการประสานงานของร่างกายพัฒนาเต็มที่ เด็กเรียนรู้ผ่านการเคลื่อนไหว การเล่น และการลองผิดลองถูก เด็กเรียนรู้การแสดงออกทางอารมณ์ การควบคุมตนเอง และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น หากได้รับการเลี้ยงดูอย่างอบอุ่นและมั่นคง จะช่วยสร้างความมั่นใจและทักษะทางสังคมที่ดี ประสบการณ์ในวัยเด็ก เช่น การเลี้ยงดู การเล่น การเรียนรู้ จะกำหนดทัศนคติ ความมั่นใจ และทักษะชีวิตที่ติดตัวไปจนโต
ดังนั้น วัยเด็กคือช่วงเวลาทองของการพัฒนาที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ หากได้รับการส่งเสริมอย่างถูกต้อง เด็กจะเติบโตอย่างเต็มศักยภาพทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และสังคม
ปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้เติบโตสมวัย
ปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้เติบโตสมวัย มีดังนี้
1. ด้านร่างกายและสุขภาพโภชนาการที่เหมาะสม : ได้รับอาหารครบ 5 หมู่ ปริมาณเพียงพอ เหมาะกับวัย
การดูแลสุขภาพ : การตรวจสุขภาพตามวัย การฉีดวัคซีน และการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
การเล่นและการเคลื่อนไหว : ส่งเสริมการใช้กล้ามเนื้อใหญ่และเล็ก การเคลื่อนไหวร่างกาย
2. ด้านอารมณ์และจิตใจความรักและความอบอุ่น : การกอด การพูดคุย
และการดูแลเอาใจใส่ช่วยสร้างความมั่นคงทางอารมณ์การตอบสนองที่เหมาะสม ผู้ใหญ่ควรฟังและเข้าใจความรู้สึกของเด็กการสร้างความมั่นใจ
ให้เด็กลองทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเองและชื่นชมความพยายาม
3. ด้านสังคม การเล่นกับเพื่อนและผู้อื่น : ฝึกการแบ่งปัน การรอคอย และการแก้ปัญหาร่วมกัน
สิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการเรียนรู้ : ครอบครัว โรงเรียน ควรมีบรรยากาศที่ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์
การเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ใหญ่ : เด็กเรียนรู้ผ่านการเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ปกครองและครู
4. ด้านสติปัญญาและการเรียนรู้ การกระตุ้นพัฒนาการสมอง : พูดคุย อ่านหนังสือ เล่านิทาน ร้องเพลง เล่นเกมการศึกษา
โอกาสในการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง : ให้เด็กได้ลงมือทำ ทดลอง และสังเกตสิ่งรอบตัว
การสนับสนุนทักษะEF (Executive Functions) : ฝึกทักษะการคิดวางแผน การจดจ่อ การแก้ปัญหา
บทบาทของคุณพ่อคุณแม่ในการสร้างพื้นฐานพัฒนาการเด็ก
พ่อแม่คือ ครูคนแรกและคนสำคัญที่สุดในชีวิตลูก บทบาทไม่ได้จำกัดแค่การดูแล แต่ยังรวมถึงการกระตุ้น การชี้แนะ และการเป็นแบบอย่างที่ดี เพื่อวางรากฐานให้ลูกเติบโตสมวัยทั้งกาย ใจ สติปัญญา
และสังคม บทบาทของคุณพ่อคุณแม่ในการสร้างพื้นฐานพัฒนาการเด็ก
1. ผู้เลี้ยงดู (Caregiver) มอบความรัก ความอบอุ่น กอด พูดคุย เล่นด้วย จัดหาอาหารที่เหมาะสมครบถ้วน และดูแลสุขภาพ เช่น วัคซีน การนอนหลับ สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้ลูกได้เรียนรู้และสำรวจ
2. ผู้กระตุ้นการเรียนรู้ (Stimulator) พูดคุยกับลูกตั้งแต่เล็ก อ่านนิทาน ร้องเพลง ให้เด็กได้ฟังเสียงและภาษา
ส่งเสริมการเล่นอย่างสร้างสรรค์ ทั้งการเล่นอิสระและการเล่นที่มีโครงสร้าง เปิดโอกาสให้เด็กได้ทดลอง คิด และแก้ปัญหาด้วยตนเอง
3. ผู้กำกับดูแล (Guide) วางกติกาที่เหมาะสมกับวัย ฝึกวินัยเชิงบวก สอนการจัดการอารมณ์และพฤติกรรมด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดี สร้างโอกาสให้เด็กเรียนรู้การเข้าสังคม เช่น เล่นกับเพื่อน หรือทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว
4. ผู้สนับสนุน (Supporter) ชื่นชมความพยายามมากกว่าผลลัพธ์ เพื่อสร้างความมั่นใจ สนับสนุนให้ลูกค้นหาความสนใจ ความถนัดของตนเอง ประสานงานกับครูหรือผู้เชี่ยวชาญ หากพบสัญญาณพัฒนาการล่าช้า
5. แบบอย่างชีวิต (Role Model) เด็กเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อแม่ เช่น การพูด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี การเป็นแบบอย่างที่ดีคือ การสอนโดยไม่ต้องพูดที่ทรงพลังที่สุด
วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยเสริมพัฒนาการเด็กในชีวิตประจำวัน
วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยเสริมพัฒนาการเด็กในชีวิตประจำวัน เช่น พูดคุยกับลูกบ่อย ๆ ตั้งแต่เล็ก ใช้ประโยคง่าย ๆ ฟังลูกตอบโต้ อ่านนิทานก่อนนอนทุกวัน กระตุ้นภาษา จินตนาการ และ ทักษะEF ชวนลูกตั้งคำถาม เช่น ถ้าจะเกิดอะไรขึ้น? เพื่อฝึกการคิดวิเคราะห์ เล่นเกมง่าย ๆ เช่น ต่อบล็อก ต่อจิ๊กซอว์ หรือหาของรอบบ้าน ให้โอกาสลูกได้วิ่ง เล่นกลางแจ้ง กระโดด ปีนป่าย เสริมกล้ามเนื้อใหญ่ เล่นกิจกรรมใช้มือ เช่น ปั้นดินน้ำมัน ระบายสี ตัดกระดาษ ช่วยกล้ามเนื้อเล็ก จัดตารางการนอนให้เพียงพอ และมื้ออาหารครบถ้วน
กอด พูดคำให้กำลังใจ หรือชื่นชมความพยายามของลูก ฟังลูกเล่าเรื่อง ไม่ตัดสินเร็วเกินไป ให้เด็กได้ระบายความรู้สึก ฝึกการรอคอย เช่น เล่นเกมผลัดกัน หรือรออาหารจานโปรด ให้ลูกช่วยงานบ้านเล็ก ๆ เช่น เก็บของ จัดโต๊ะอาหาร ชวนเล่นกับเพื่อนหรือญาติ ฝึกการแบ่งปันและการแก้ปัญหาร่วมกัน พ่อแม่เป็นแบบอย่าง เช่น พูดคำขอบคุณ ขอโทษ แสดงน้ำใจ
เมื่อสงสัยว่าพัฒนาการเด็กช้ากว่าปกติ ควรทำอย่างไร
เมื่อสงสัยว่าลูกพัฒนาการช้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อย่ามองข้าม และ อย่ารอให้หายเอง แต่ควรเริ่มใส่ใจตั้งแต่วันนี้ และดีที่สุดคือการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เด็กได้รับการช่วยเหลืออย่างเหมาะสมและทันเวลา แนะนำว่าเมื่อสงสัยว่าพัฒนาการเด็กช้ากว่าปกติ ควรทำตามลำดับดังนี้
1. สังเกตอย่างใส่ใจ พ่อแม่ควรติดตามพัฒนาการของลูกในแต่ละด้าน เช่น พูด เดิน เล่นโต้ตอบ
หากพบว่าลูกช้ากว่าเพื่อนวัยเดียวกัน ควรจดบันทึกหรือเก็บตัวอย่างพฤติกรรมไว้
2. เริ่มต้นลงมือวันนี้ จัดกิจกรรมเล็ก ๆ ที่ช่วยเสริม เช่น อ่านนิทาน เล่นต่อบล็อก พูดคุยกับลูกมากขึ้น
ลดสิ่งที่อาจขัดขวางพัฒนาการ เช่น การใช้หน้าจอนานเกินไป หรือการขาดกิจกรรมเคลื่อนไหว
3. อย่ารอจนสาย พัฒนาการเด็กมีช่วงเวลาทอง หากปล่อยทิ้งไว้นาน การแก้ไขอาจทำได้ยากขึ้น
ยิ่งเริ่มต้นเร็ว โอกาสที่เด็กจะพัฒนาได้สมวัยยิ่งสูง
4. ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ หากยังไม่แน่ใจ ควรพาลูกไปพบกุมารแพทย์ นักกิจกรรมบำบัด
ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยประเมินอย่างเป็นระบบ และแนะนำวิธีการกระตุ้นที่เหมาะกับเด็กแต่ละคน
การส่งเสริมพัฒนาการเด็กคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับลูกน้อย
การส่งเสริมพัฒนาการเด็ก คือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับลูกน้อย เพราะวัยเด็ก คือช่วงเวลาทองที่ไม่อาจย้อนกลับ การใส่ใจและส่งเสริมพัฒนาการตั้งแต่วันนี้ เปรียบเสมือนการมอบของขวัญล้ำค่าให้กับลูกน้อย ของขวัญที่ไม่มีมูลค่าใด ๆ มาเทียบได้ การอ่านนิทานให้ฟังทุกคืน การกอดและพูดคุยอย่างอ่อนโยน การปล่อยให้ลูกได้ลองเล่น ลองคิด และเรียนรู้ด้วยตนเอง สิ่งเล็ก ๆ ที่ทำในแต่ละวัน คือการวางรากฐานสู่ อนาคตที่มั่นคง แข็งแรง และเต็มไปด้วยศักยภาพ เพราะทุกก้าวเล็ก ๆ ของวันนี้ จะต่อยอดเป็น ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของลูกน้อยในวันหน้า
Kids Plus เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก และมีคอร์สกระตุ้นพัฒนาการที่สามารถดูแลได้อย่างตรงจุด
Kids Plus ดูแลพัฒนาการลูกน้อยอย่างตรงจุด ที่ Kids Plus เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก ที่พร้อมดูแลและเข้าใจในทุกความกังวลของคุณพ่อคุณแม่ ด้วยคอร์สกระตุ้นพัฒนาการที่ออกแบบอย่างเหมาะสมตามวัยและความต้องการเฉพาะของแต่ละคน ดูแลครบทุกด้านทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา มุ่งเน้นทักษะEF (Executive Function) และทักษะการเรียนรู้ที่จำเป็นในอนาคต สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุก อบอุ่น และปลอดภัย เพราะเราเชื่อว่าการส่งเสริมพัฒนาการตั้งแต่วันนี้ คือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับอนาคตของลูกน้อย
Related Content
เด็กที่ฝึกทักษะ EF จะมีพฤติกรรม การเรียนรู้ และการเติบโตที่ก้าวหน้า แตกต่างอย่างชัดเจนจากเด็กที่ไม่ได้ฝึก EF ทั้งด้านอารมณ์ สังคม และการใช้ชีวิต
14 Sept 2025
พัฒนาการเด็กที่เหมาะสมคือรากฐานสำคัญของอนาคต แต่หากพบพัฒนาการช้า ควรสังเกตสัญญาณและเริ่มต้นกระตุ้นพัฒนาการให้ทันท่วงที
12 Sept 2025
ความคิดสร้างสรรค์คือพลังสำคัญที่ช่วยให้เด็ก ๆ เรียนรู้ คิดแก้ปัญหา และก้าวไกลเกินกว่าที่พ่อแม่คาดคิด Kids Plus แชร์แนวทางการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ที่ผู้ปกครองสามารถทำได้ง่าย ๆ ในทุกวัน เพื่อให้ลูกน้อยเติบโตอย่างมั่นใจและมีความสุข
7 Sept 2025