การเติบโตของลูก เริ่มที่บ้าน: พ่อแม่คือรากฐานสำคัญของทักษะคิด อ่าน และเข้าสังคมของเด็ก
Last updated: 5 Dec 2025
17 Views

การเติบโตของลูกเกิดขึ้นทุกวันจากสิ่งเล็ก ๆ ที่ผู้ปกครองทำร่วมกับลูก ไม่ว่าจะเป็นการเล่น การพูดคุย การอ่านหนังสือ หรือการฝึกให้ดูแลตัวเอง กิจกรรมเหล่านี้คือรากฐานสำคัญของพัฒนาการในทุกด้าน ทั้งความคิด อารมณ์ การเรียนรู้ และทักษะทางสังคม บ้านจึงเป็นพื้นที่แรกที่ช่วยวางรากฐานให้เด็กเติบโตอย่างมั่นคง Kids Plus เชื่อว่าหากผู้ปกครองเข้าใจพัฒนาการของเด็กอย่างถูกต้อง เด็กทุกคนสามารถเติบโตได้อย่างมั่นใจ โดยไม่จำเป็นต้องเร่ง หรือเปรียบเทียบกับใคร เด็กทุกคนสามารถเติบโตได้อย่างมั่นใจและเต็มศักยภาพของตัวเอง
การเล่น พูดคุย และการตอบสนองทางอารมณ์ คือรากฐานการเติบโตของลูก
ปฏิสัมพันธ์ที่อบอุ่นระหว่างพ่อแม่และลูกคือรากฐานสำคัญที่สุดของพัฒนาการช่วงปฐมวัย เด็กเรียนรู้และสร้างความเชื่อมั่นต่อโลกผ่านการเล่นที่มีการตอบสนอง การพูดคุยแบบมีสายตาเชื่อมโยงกัน และการได้รับการปลอบโยนเมื่อรู้สึกไม่สบายใจ การเติบโตของลูกเกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ปกครองอย่างสม่ำเสมอ การเล่นต่อบล็อก วาดรูป เล่นบทบาทสมมติ หรือแม้แต่การช่วยพ่อแม่เก็บของ ล้วนเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง บ่มเพาะทักษะการคิด การควบคุมอารมณ์ ความจำใช้งาน และทักษะสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เพียงความสนุก แต่คือการวางฐานของการเติบโตระยะยาวอย่างแท้จริง
การเตรียมพร้อมลูกสู่โรงเรียน คือส่วนสำคัญของการเติบโตของลูกยุคนี้
การเตรียมพร้อมก่อนเข้าโรงเรียน คือ การสร้างทักษะชีวิตที่ทำให้เด็กพร้อมเข้ากลุ่ม มีวินัยในตนเอง และดูแลตัวเองในเรื่องพื้นฐานได้ เด็กที่สามารถรอคิว เข้าแถว แบ่งปันของเล่น บอกความต้องการของตนเอง หรือจัดกระเป๋านักเรียนง่าย ๆ ด้วยตัวเอง มักจะปรับตัวกับโรงเรียนได้ดีและมีความสุขในการเรียนรู้มากกว่า ในยุคที่โลกหมุนเร็วเด็กยิ่งต้องการพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อรับมือกับสิ่งใหม่ ๆ โรงเรียนอนุบาลและประถมต้นให้ความสำคัญกับทักษะเหล่านี้มาก
เพราะเป็นตัวชี้วัดการปรับตัวในสังคม และความพร้อมในการเรียนในระดับถัดไป เมื่อเด็กมีทักษะเหล่านี้จากที่บ้าน เขาจะก้าวเข้าสู่โรงเรียนด้วยความมั่นใจ การเติบโตของลูกไม่ใช่การเรียนหนังสือเร็ว แต่คือการมีทักษะชีวิตที่ช่วยให้เด็กปรับตัวได้เมื่อถึงเวลาเข้าโรงเรียน
EF, การคิด และการอ่าน คือฐานสมองของการเติบโตของลูก
EF (Executive Functions) คือทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 เด็กที่มี EF ดีไม่เพียงแต่เรียนรู้ได้เร็วขึ้น แต่ยังจัดการตัวเองได้ดีขึ้นด้วย เช่น คิดก่อนทำ วางแผนทีละขั้นตอน จดจ่อกับงานจนเสร็จ และควบคุมอารมณ์เมื่อเจอสถานการณ์ท้าทาย EF จึงถือเป็นหัวใจของการเติบโตที่ทุกวัยต้องมี และยิ่งต้องเริ่มตั้งแต่เล็ก ผู้ปกครองสามารถเสริม EF
ให้ลูกได้ผ่านกิจกรรมง่าย ๆ เช่น ต่อบล็อกตามตัวอย่างที่กำหนด เล่นเกมจับคู่ที่ต้องใช้ความจำ ทำกิจกรรมที่มีขั้นตอน เช่น ทำแซนด์วิชหรือรดน้ำต้นไม้ รวมถึงการอ่านนิทานแล้วชวนลูกเล่าเรื่องกลับ หรือชวนตั้งคำถาม นี่ไม่ใช่เพียงการเล่น แต่คือการฝึกสมองในแบบที่เด็กสนุก มีความหมาย และนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
การเข้าสังคมคือห้องเรียนชีวิตจริงของเด็ก
โลกของเด็กไม่ได้จำกัดอยู่แค่บ้าน แต่ขยายกว้างขึ้นเมื่อได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน การเล่นกับเพื่อนเป็นเหมือนห้องเรียนชีวิตจริงที่เต็มไปด้วยบทเรียนสำคัญ เช่น การรอคอย การต่อรอง การแบ่งปัน การยืดหยุ่นเมื่อกติกาเปลี่ยน และการจัดการความรู้สึกเมื่อมีความขัดแย้ง ทักษะเหล่านี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการเล่นคนเดียวหรือหน้าจอ แต่เกิดจากประสบการณ์จริงในสังคม พ่อแม่สามารถสร้างโอกาสให้ลูกเข้าสังคมได้ง่าย ๆ เช่น ชวนเพื่อนบ้านมาเล่นด้วยกัน จัด playgroup เล็ก ๆ หรือพาเด็กไปสนามเด็กเล่น การพบเจอเพื่อนใหม่และปรับตัวเข้าหากันคือการฝึกทักษะชีวิตที่สำคัญ และช่วยให้เด็กเติบโตเป็นคนที่เข้าใจผู้อื่นและอยู่ร่วมกับสังคมได้ดีขึ้น
การเติบโตของลูกต้องอาศัยความสม่ำเสมอ ไม่เน้นความเร่งรีบจนกลายเป็นผลเสีย
แม้ว่าพ่อแม่หลายคนอยากเห็นลูกพัฒนาเร็ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความสม่ำเสมอในการเลี้ยงดูมากกว่าการเร่งรัด เพราะการเติบโตของเด็กต้องใช้เวลา เด็กต้องมีพื้นที่ให้ลองผิด ลองถูก บางวันทำได้ดี บางวันอาจถอยหลัง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของพัฒนาการ การให้กำลังใจและการอยู่เคียงข้างของพ่อแม่คือพลังสำคัญที่ช่วยให้เด็กกลับมายืนได้เสมอ เด็กไม่จำเป็นต้องเป็นที่หนึ่งหรือเก่งกว่าใคร แต่ควรได้รับการสนับสนุนให้เติบโตตามจังหวะของตัวเอง เมื่อบ้านเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่เด็กได้รับความเข้าใจ ความรัก และการยอมรับ เด็กจะกล้าคิด กล้าทำ กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ และพร้อมเผชิญโลกใบใหญ่ด้วยหัวใจที่มั่นคงและมีความสุข
การเล่น พูดคุย และการตอบสนองทางอารมณ์ คือรากฐานการเติบโตของลูก
ปฏิสัมพันธ์ที่อบอุ่นระหว่างพ่อแม่และลูกคือรากฐานสำคัญที่สุดของพัฒนาการช่วงปฐมวัย เด็กเรียนรู้และสร้างความเชื่อมั่นต่อโลกผ่านการเล่นที่มีการตอบสนอง การพูดคุยแบบมีสายตาเชื่อมโยงกัน และการได้รับการปลอบโยนเมื่อรู้สึกไม่สบายใจ การเติบโตของลูกเกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ปกครองอย่างสม่ำเสมอ การเล่นต่อบล็อก วาดรูป เล่นบทบาทสมมติ หรือแม้แต่การช่วยพ่อแม่เก็บของ ล้วนเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง บ่มเพาะทักษะการคิด การควบคุมอารมณ์ ความจำใช้งาน และทักษะสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เพียงความสนุก แต่คือการวางฐานของการเติบโตระยะยาวอย่างแท้จริง
การเตรียมพร้อมลูกสู่โรงเรียน คือส่วนสำคัญของการเติบโตของลูกยุคนี้
การเตรียมพร้อมก่อนเข้าโรงเรียน คือ การสร้างทักษะชีวิตที่ทำให้เด็กพร้อมเข้ากลุ่ม มีวินัยในตนเอง และดูแลตัวเองในเรื่องพื้นฐานได้ เด็กที่สามารถรอคิว เข้าแถว แบ่งปันของเล่น บอกความต้องการของตนเอง หรือจัดกระเป๋านักเรียนง่าย ๆ ด้วยตัวเอง มักจะปรับตัวกับโรงเรียนได้ดีและมีความสุขในการเรียนรู้มากกว่า ในยุคที่โลกหมุนเร็วเด็กยิ่งต้องการพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อรับมือกับสิ่งใหม่ ๆ โรงเรียนอนุบาลและประถมต้นให้ความสำคัญกับทักษะเหล่านี้มาก
เพราะเป็นตัวชี้วัดการปรับตัวในสังคม และความพร้อมในการเรียนในระดับถัดไป เมื่อเด็กมีทักษะเหล่านี้จากที่บ้าน เขาจะก้าวเข้าสู่โรงเรียนด้วยความมั่นใจ การเติบโตของลูกไม่ใช่การเรียนหนังสือเร็ว แต่คือการมีทักษะชีวิตที่ช่วยให้เด็กปรับตัวได้เมื่อถึงเวลาเข้าโรงเรียน
EF, การคิด และการอ่าน คือฐานสมองของการเติบโตของลูก
EF (Executive Functions) คือทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 เด็กที่มี EF ดีไม่เพียงแต่เรียนรู้ได้เร็วขึ้น แต่ยังจัดการตัวเองได้ดีขึ้นด้วย เช่น คิดก่อนทำ วางแผนทีละขั้นตอน จดจ่อกับงานจนเสร็จ และควบคุมอารมณ์เมื่อเจอสถานการณ์ท้าทาย EF จึงถือเป็นหัวใจของการเติบโตที่ทุกวัยต้องมี และยิ่งต้องเริ่มตั้งแต่เล็ก ผู้ปกครองสามารถเสริม EF
ให้ลูกได้ผ่านกิจกรรมง่าย ๆ เช่น ต่อบล็อกตามตัวอย่างที่กำหนด เล่นเกมจับคู่ที่ต้องใช้ความจำ ทำกิจกรรมที่มีขั้นตอน เช่น ทำแซนด์วิชหรือรดน้ำต้นไม้ รวมถึงการอ่านนิทานแล้วชวนลูกเล่าเรื่องกลับ หรือชวนตั้งคำถาม นี่ไม่ใช่เพียงการเล่น แต่คือการฝึกสมองในแบบที่เด็กสนุก มีความหมาย และนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
การเข้าสังคมคือห้องเรียนชีวิตจริงของเด็ก
โลกของเด็กไม่ได้จำกัดอยู่แค่บ้าน แต่ขยายกว้างขึ้นเมื่อได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน การเล่นกับเพื่อนเป็นเหมือนห้องเรียนชีวิตจริงที่เต็มไปด้วยบทเรียนสำคัญ เช่น การรอคอย การต่อรอง การแบ่งปัน การยืดหยุ่นเมื่อกติกาเปลี่ยน และการจัดการความรู้สึกเมื่อมีความขัดแย้ง ทักษะเหล่านี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการเล่นคนเดียวหรือหน้าจอ แต่เกิดจากประสบการณ์จริงในสังคม พ่อแม่สามารถสร้างโอกาสให้ลูกเข้าสังคมได้ง่าย ๆ เช่น ชวนเพื่อนบ้านมาเล่นด้วยกัน จัด playgroup เล็ก ๆ หรือพาเด็กไปสนามเด็กเล่น การพบเจอเพื่อนใหม่และปรับตัวเข้าหากันคือการฝึกทักษะชีวิตที่สำคัญ และช่วยให้เด็กเติบโตเป็นคนที่เข้าใจผู้อื่นและอยู่ร่วมกับสังคมได้ดีขึ้น
การเติบโตของลูกต้องอาศัยความสม่ำเสมอ ไม่เน้นความเร่งรีบจนกลายเป็นผลเสีย
แม้ว่าพ่อแม่หลายคนอยากเห็นลูกพัฒนาเร็ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความสม่ำเสมอในการเลี้ยงดูมากกว่าการเร่งรัด เพราะการเติบโตของเด็กต้องใช้เวลา เด็กต้องมีพื้นที่ให้ลองผิด ลองถูก บางวันทำได้ดี บางวันอาจถอยหลัง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของพัฒนาการ การให้กำลังใจและการอยู่เคียงข้างของพ่อแม่คือพลังสำคัญที่ช่วยให้เด็กกลับมายืนได้เสมอ เด็กไม่จำเป็นต้องเป็นที่หนึ่งหรือเก่งกว่าใคร แต่ควรได้รับการสนับสนุนให้เติบโตตามจังหวะของตัวเอง เมื่อบ้านเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่เด็กได้รับความเข้าใจ ความรัก และการยอมรับ เด็กจะกล้าคิด กล้าทำ กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ และพร้อมเผชิญโลกใบใหญ่ด้วยหัวใจที่มั่นคงและมีความสุข
Related Content
ตลอด 23 ปีที่ผ่านมา KidsPlus ได้มีโอกาสดูแลเด็กไทยนับให้เติบโตอย่างมั่นใจ ผ่านการพัฒนาอย่างเข้าใจ ตั้งแต่ทักษะชีวิต การเข้าสังคม ไปจนถึงการเตรียมพร้อมสู่โรงเรียน และเรายังคงมุ่งมั่นตั้งใจสานต่อคุณภาพที่ดีที่สุดเพื่ออนาคตของเด็กทุกคน
5 Dec 2025
การเล่นกับเพื่อนบ้านไม่ใช่แค่ความสนุก แต่เป็นพื้นที่เรียนรู้ที่สำคัญสำหรับเด็ก ผู้ปกครองสามารถออกแบบกิจกรรมง่าย ๆ เพื่อให้ลูกได้ฝึกทักษะชีวิต การเข้าสังคม การสื่อสาร และการคิดเป็นระบบ
28 Nov 2025
การก้าวเข้าสู่ช่วงอนุบาลเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการไปโรงเรียนครั้งแรกในชีวิต และสำหรับเด็กเล็กแล้วความพร้อม ไม่ได้หมายถึงการอ่านออก เขียนได้ หรือท่องตัวเลขคล่องเท่านั้น แต่คือการมีทักษะชีวิตและทักษะสมอง (Executive Functions: EF) ที่ช่วยให้เขาปรับตัว เรียนรู้ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมั่นใจ
28 Nov 2025


