แชร์

การเลี้ยงดูลูกน้อยท่ามกลางยุคดิจิทัลและเทคโนโลยี

อัพเดทล่าสุด: 20 มิ.ย. 2025
21 ผู้เข้าชม

การเลี้ยงดูลูกน้อยท่ามกลางยุคแห่งเทคโนโลยีที่ก้าวไปอย่างรวดเร็ว

ทุกวันนี้ การเลี้ยงดูลูกน้อย ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความรักและความเอาใจใส่จากพ่อแม่เหมือนในอดีตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับบริบททางสังคม เทคโนโลยี และค่านิยมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในยุคที่เด็กสามารถเข้าถึงหน้าจอแท็บเล็ตก่อนจะจับดินสอเป็น แม้ว่าเทคโนโลยีจะมีประโยชน์มากมาย แต่ในแง่ของ การเลี้ยงดูลูกน้อย พ่อแม่จำนวนไม่น้อยเริ่มตั้งคำถามว่า เรากำลังพาเด็กๆ ไปในทิศทางที่ปลอดภัยและเหมาะสมหรือไม่

พ่อแม่ในยุคนี้ต้องทำหน้าที่มากกว่าการเลี้ยงดูแบบพื้นฐาน แต่ต้องเรียนรู้ ปรับตัว และเข้าใจโลกใหม่ไปพร้อมกับลูก การเลี้ยงดูลูกน้อย จึงไม่ใช่แค่การบอกว่าต้องทำอะไรหรือห้ามทำอะไร แต่คือการร่วมเดินทางทางอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมไปพร้อมกับเขา ซึ่งเป็นภารกิจที่แม้จะท้าทาย แต่ก็เต็มไปด้วยคุณค่าที่งดงาม

ทำไมการเลี้ยงดูลูกน้อยในยุคนี้ถึงมีความท้าทายมากยิ่งขึ้น

การเลี้ยงดูลูกน้อยในยุคปัจจุบันแตกต่างจากอดีตอย่างชัดเจน เพราะเด็กเติบโตขึ้นมาพร้อมกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อินเทอร์เน็ต และโลกเสมือนจริง พ่อแม่บางคนอาจเคยเติบโตมาโดยไม่มีมือถือเลย แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับการเลี้ยงดูลูกน้อยที่รู้จัก YouTube ก่อนจะพูดคำแรกได้

สังคมที่เร่งรีบ เวลาที่จำกัด และแรงกดดันทางเศรษฐกิจล้วนส่งผลให้การเลี้ยงดูลูกน้อยกลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้น พ่อแม่อาจไม่สามารถอยู่กับลูกตลอดเวลาได้เหมือนในอดีต แต่ก็ยังต้องการให้ลูกได้รับการดูแลที่ดีที่สุด ดังนั้นการหาสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและการเลี้ยงดูลูกน้อยกลายเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความตั้งใจและการวางแผนอย่างมาก


เทคโนโลยีเองก็มีสองด้าน เด็กที่ได้รับเทคโนโลยีมากเกินไปโดยขาดการควบคุม อาจเสี่ยงต่อปัญหา เช่น ขาดสมาธิ พฤติกรรมก้าวร้าว หรือแม้แต่ เด็กสมาธิสั้น ในบางกรณี การเลี้ยงดูลูกน้อยจึงไม่สามารถละเลยผลกระทบเหล่านี้ได้อีกต่อไป

การเลี้ยงดูลูกน้อยให้เกิดผลสูงสุดเริ่มต้นตัั้งแต่ที่บ้าน

บ้าน ยังคงเป็นพื้นที่แห่งแรกที่หล่อหลอมพฤติกรรมและบุคลิกภาพของลูก พ่อแม่คือแบบอย่างแรกที่ลูกเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด น้ำเสียง หรือวิธีรับมือกับอารมณ์ การเลี้ยงดูลูกน้อยจึงไม่ใช่แค่การจัดหาอาหาร ที่อยู่อาศัย หรือการศึกษาเท่านั้น แต่คือการสร้างความมั่นคงทางใจให้กับลูก

หนึ่งในพื้นฐานสำคัญของการเลี้ยงดูลูกน้อยที่ไม่ควรมองข้ามคือ พัฒนาการเด็ก เพราะแม้ว่าเด็กแต่ละคนจะมีจังหวะการเติบโตของตัวเอง แต่การเข้าใจและติดตามพัฒนาการเด็กอย่างเหมาะสม จะช่วยให้พ่อแม่รู้ว่าควรเสริมอะไรหรือเฝ้าระวังอะไร ไม่ใช่เพื่อให้ลูกเก่งกว่าใคร แต่เพื่อให้เขาเติบโตอย่างเต็มศักยภาพของตนเอง

การเลี้ยงดูลูกน้อย ที่ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างสีหน้า การสื่อสาร หรือแม้แต่ช่วงเวลาเล่นด้วยกัน สามารถส่งผลต่อความมั่นคงทางอารมณ์และความรู้สึกปลอดภัยในระยะยาวได้

ควรมีการเลี้ยงดูลูกน้อยอย่างไรให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่อุปกรณ์ดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็ว

เทคโนโลยีไม่ใช่ศัตรูของเด็ก ถ้าพ่อแม่เข้าใจและสามารถใช้มันให้เกิดประโยชน์ การเลี้ยงดูลูกน้อยในยุคดิจิทัลจึงต้องมีแนวทางที่ยืดหยุ่น ไม่ต้าน แต่ไม่ปล่อย การควบคุมเวลาหน้าจอ (screen time) การเลือกเนื้อหาที่เหมาะสม รวมถึงการพูดคุยกับลูกเกี่ยวกับสิ่งที่เขาดู ล้วนเป็นส่วนสำคัญ

บางครอบครัวอาจเริ่มสังเกตเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูก เช่น การนั่งไม่ติด เบื่อง่าย หรือมีปัญหาด้านอารมณ์ ซึ่งในบางกรณีอาจเชื่อมโยงกับภาวะ เด็กสมาธิสั้น แม้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะเป็น แต่การเลี้ยงดูลูกน้อยที่ใส่ใจสัญญาณเหล่านี้ตั้งแต่ต้น จะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก

การเลี้ยงดูลูกน้อย ที่สอดคล้องกับยุคนี้ ไม่ใช่การควบคุมทุกสิ่ง แต่คือการเป็นผู้ร่วมเรียนรู้ อยู่ข้างๆ ลูก พร้อมให้คำแนะนำที่เหมาะสมตามวัย

1.การเลี้ยงดูลูกน้อยแม้มีเวลาน้อย แต่ควรมีเวลาที่คุณภาพ

พ่อแม่หลายคนต้องทำงานหนัก จึงมีเวลาอยู่กับลูกไม่มาก แต่สิ่งสำคัญในการเลี้ยงดูลูกน้อยคือ คุณภาพของเวลา ไม่ใช่ปริมาณ เพียงวันละ 15 นาทีของการนั่งเล่น อ่านนิทาน หรือพูดคุยอย่างตั้งใจ อาจมีผลมากกว่าการอยู่ด้วยกันทั้งวันแต่ต่างคนต่างอยู่หน้าจอ

การเลี้ยงดูลูกน้อย ที่มีคุณภาพเริ่มต้นจากความตั้งใจ ไม่ว่าจะอยู่ในห้องครัว ห้องนอน หรือรถยนต์ ทุกสถานที่สามารถเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าระหว่างพ่อแม่และลูกได้ หากเราเลือกจะใส่ใจ

2. เทคโนโลยีสามารถสร้างผลดีให้กับลูก หากใช้อย่างเกิดประโยชน์

มีแอปพลิเคชัน หนังสือดิจิทัล และสื่อการสอนมากมายที่ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้ของเด็ก การเลี้ยงดูลูกน้อยจึงสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการศึกษา หรือแม้แต่ทักษะชีวิต หากมีการกำกับดูแลอย่างเหมาะสม

พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องห้ามทุกอย่าง แต่ควรมีบทบาทในการคัดกรองและอธิบายสิ่งที่ลูกเห็น เพื่อให้ การเลี้ยงดูลูกน้อย เป็นเรื่องของการสื่อสาร ไม่ใช่คำสั่ง

3. ทำความเข้าใจยุคสมัยและค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไป และสามารถให้ข้อคิดกับลูกน้อยได้

เด็กในยุคนี้เติบโตท่ามกลางกระแสของ ความไว และ การเปรียบเทียบ จากทั้งรอบข้าง และสิ่งที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์ ซึ่งส่งผลต่อการมองตนเองอย่างมาก การเลี้ยงดูลูกน้อย จึงควรช่วยให้ลูกมีภูมิคุ้มกันทางความคิด เข้าใจว่าโลกออนไลน์ไม่ใช่ทุกอย่าง และคุณค่าของตัวเองไม่ได้ขึ้นอยู่กับยอดไลก์หรือยอดวิว


พ่อแม่สามารถใช้สถานการณ์ต่างๆ ที่พบเจอในโลกออนไลน์มาเป็นบทสนทนา เช่น ถามลูกว่ารู้สึกอย่างไร หรือจะจัดการกับความรู้สึกนั้นอย่างไร การเลี้ยงดูลูกน้อย ที่เปิดพื้นที่ให้แสดงความคิดเห็นคือกุญแจสำคัญในการสร้างเด็กที่มั่นใจในตัวเอง

การเลี้ยงดูลูกน้อยเริ่มต้นได้ที่บ้าน และการส่งเสริมลูกน้อยให้ตรงจุดยังมีความสำคัญ

ไม่มีใครเข้าใจลูกเท่าพ่อแม่ และไม่มีใครอยู่ใกล้ชิดเขาได้เท่าครอบครัว การเลี้ยงดูลูกน้อยให้เติบโตอย่างมั่นคงจึงควรเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวที่สุด คือการมองดูพฤติกรรมของลูกด้วยความเข้าใจ ไม่ตัดสินเร็ว แต่เรียนรู้ไปพร้อมกัน

การเลี้ยงดูลูกน้อยไม่ใช่การเดินตามสูตรสำเร็จ แต่เป็นการสังเกต วิเคราะห์ และปรับตามความเหมาะสมของแต่ละครอบครัว บางครั้งอาจต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้การดูแลลูกเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในแต่ละช่วงวัย

Kids Plus มีทีมงานและนักกิจกรรมบำบัดที่เข้าใจเด็ก ๆ และมีโปรแกรมที่ช่วยในการส่งเสริมการเลี้ยงดูลูกน้อยให้เติมโตสมวัย

เพื่อให้ การเลี้ยงดูลูกน้อย เป็นไปอย่างเหมาะสมกับยุคนี้ Kids Plus จึงจัดเตรียมโปรแกรมที่หลากหลาย ทั้งในด้านการประเมินพัฒนาการ การกระตุ้นการเรียนรู้ และการเสริมสร้าง ทักษะ EF (Executive Functions) ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการควบคุมตนเอง วางแผน และคิดอย่างยืดหยุ่น

เราเข้าใจดีว่า การเลี้ยงดูลูกน้อย ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจและความพยายาม บางครั้งพ่อแม่สามารถสร้างพื้นที่ที่ลูกสามารถเรียนรู้ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ ร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเติมเต็มการเลี้ยงดูลูกน้อยให้มีคุณภาพอย่างแท้จริง

นอกจากจะเน้นการพัฒนาด้านทักษะและพฤติกรรม Kids Plus ยังให้ความสำคัญกับการใช้เวลานอกบ้านของเด็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะ การเลี้ยงดูลูกน้อย สามารถเริ่มต้นได้แต่ที่บ้าน แต่หากมีพื้นที่ปลอดภัยและทีมงานที่เข้าใจธรรมชาติของเด็กก็จะยิ่งช่วยส่งเสริมลูกน้อยได้อีกเช่นกัน


Kids Plus มีทั้งหมด 7 สาขา ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเชียงใหม่ หากคุณพ่อคุณแม่มีคำถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อทีมงานเราได้เลยค่ะ

ติดต่อ Kids Plus  ได้ที่เบอร์ 091-110-3545 หรือที่ Line ( Line Id  : kidsplus)


บทความที่เกี่ยวข้อง
กลัวลูกเขียนหนังสือไม่ได้ ทำอย่างไรดี เตรียมความพร้อมให้เด็กๆอย่างถูกต้อง
เพราะอนาคตของเด็กมีความสำคัญ ความกังวลว่าลูกเขียนหนังสือไม่ได้ในอนาคตมีทางออก ปรึกษา Kids Plus วันนี้เพื่อการดูแลอย่างถูกจุด
20 มิ.ย. 2025
ลูกพัฒนาการช้าจริงหรือไม่ คุณพ่อคุณแม่จะรู้ได้อย่างไร?
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกพัฒนาการช้า และจะช่วยสนับสนุนลูกน้อยได้อย่างไรให้สามารถเติบโตได้อย่างสมวัย
13 มิ.ย. 2025
ภาวะสมาธิสั้นในเด็ก สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ห้ามมองข้าม เพื่อการเติบโตอย่างสมวัยของลูกน้อย
ภาวะสมาธิสั้นในเด็ก ความน่ากังวลของยุคสมัยปัจจุบันที่เราต้องรู้และเข้าใจอย่างเท่าทัน เพื่อการดูแลลูกน้อยอย่างถูกต้อง
13 มิ.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ